Last updated: 23 ก.ย. 2565 | 102479 จำนวนผู้เข้าชม |
ลู่วิ่งไฟฟ้า เป็นเครื่องออกกำลังกายสำหรับคาร์ดิโอที่ได้รับความนิยมมาก เนื่องจากเป็นการวิ่งเป็นการออกกำลังกายพื้นฐานที่ทุกคนคุ้นเคย และทำได้โดยไม่ได้เรียนรู้อะไรเพิ่มเติม นอกจากการเรียนรู้วิธีใช้งานลู่วิ่งเท่านั้นเอง
ในสมัยก่อนลู่วิ่งไฟฟ้าเป็นเครื่องออกกำลังกายที่ราคาสูง ตั้งแต่ 2 หมื่นกว่า ถึง หลักแสน โดยปกติเราจะใช้ลู่วิ่งในยิม หรือ ศูนย์ฟิตเนสต่างๆ ไม่ว่าจะ เป็น ของโรงเรียน ขององค์กร หรือ ของศูนย์ฟิตเนสที่ต้องเสียค่าสมาชิก แต่ในปัจจุบัน เราสามารถซื้อลู่วิ่งมาใช้เองที่บ้าน ได้ในราคา ต่ำกว่า 1 หมื่นบาท และ มีประสิทธิภาพเพียงพอต่อการใช้งาน ในบ้าน การใช้ลู่วิ่งในบ้าน เราไม่จำเป็นต้องซื้อลู่วิ่งที่มีขนาดใหญ่ และราคาแพงเกินความจำเป็น เนื่องจากมีการใช้งานน้อย เพียง2-3 คน ดังนั้นเราจึงควรเลือกลู่วิ่งที่ เหมาะสมและคุ้มค่า
เรามาดูวิธีการเลือกซื้อลู่วิ่งสำหรับใช้ในบ้านกัน
1. การรับน้ำหนัก - สิ่งที่สำคัญที่สุดของการเลือกซื้อเลือกวิ่งที่ต้องคำนึงอันดับแรกคือ การรับน้ำหนักของเครื่อง การใช้งานลู่วิ่งที่เกินน้ำหนักที่กำหนด จะทำให้เครื่องเกิดความเสียหายได้เร็ว และไม่คุ้มค่ากับเงินที่เสียไปแน่นอน เราควรเลือกเครื่องสามารถรองรับน้ำหนักของเราได้เพียงพอ และเผื่อการรับน้ำหนักไว้ 10-15 กก. หากเรามีน้ำหนักค่อนข้างมาก ให้ใช้วิธีการเดินเร็วเพื่อลดแรงกะแทก จนกระทั่งน้ำหนักของเราลดลง ในระดับที่สามารถใช้งานลู่วิ่งได้เต็มที่ จึงวิ่งได้ตามต้องการ เราแนะนำให้ลูกค้าแจ้งน้ำหนักสูงสุดของผู้ใช้งานในบ้านให้ทางร้านทราบ ทางร้านจะแนะนำรุ่นที่เหมาะสม ราคาที่คุ้มค่า ให้กับลูกค้าได้ทันที
2. พื้นที่วิ่งหรือขนาดของสายพาน คือ ความกว้างและยาวของสายพานที่เป็นพื้นที่ในการวิ่งนั้นเอง ขนาดของพื้นที่วิ่ง ที่ใหญ่จะเพิ่มความรู้สึกสบายในการวิ่ง แต่ราคาก็จะแพงตามเพราะลู่วิ่งก็จะมีขนาดใหญ่ตาม ขนาดโดยทั่วไป จะอยู่ที่ความกว้างของสายพาน ประมาณ 40-48 ซม. ความยาวประมาณ 120-140 ซม. ลูกค้าสามารถดูวิดิโอสาธิตทุกรุ่นในเวบของเรา เพื่อ เปรียบเทียบขนาดลู่วิ่งกับคนวิ่งได้ชัดเจน
3. การปรับความชัน ลู่วิ่งที่ราคาสูงจะปรับความชันได้ ทำให้เราได้ออกกำลังมากกว่าการวิ่งบนทางราบ แคลลอรี่หรือพลังงานที่ใช้ในการวิ่งจะขึ้นอยู่กับความเร็ว ความชันและเวลาในการวิ่ง ดังนั้น ลู่วิ่งที่ปรับความชันได้จะทำให้เราใช้พลังงานในการออกกำลังกายมากขึ้น ในเวลาและความเร็วที่เท่ากัน
แต่สำหรับผู้มีปัญหาการวิ่ง เช่น ผู้สูงอายุ ข้อเข่า ข้อเท้า อักเสบ อาจจะมีปัญหาด้านการวิ่ง แนะนำให้เดินออกกำลังกาย เพื่อลดแรงกระแทก และเราแนะนำให้ใช้ระบบปรับความชันไฟฟ้าช่วยเพื่อในการเดินได้เผลาผลาญแคลอรี่ได้มากขึ้น เทียบเท่ากับการวิ่งนั่นเอง
การปรับความชันมี 2 แบบ แบบแรกเป็นแบบปรับมือ (Manual incline) สามารถปรับได้ด้วยการปรับฐานล้อด้านท้ายเครื่องให้สูงหรือต่ำ เพื่อให้พื้นวิ่งเอียงตามต้องการ วิธีการนี้จะไม่สะดวกมากนัก แต่ราคาจะประหยัดกว่า แบบที่สองเป็นแบบปรับไฟฟ้า (Auto incline, Electric incline) แบบนี้จะปรับขึ้น ลง ด้วยระบบไฟฟ้า เพียงแค่กดปุ่มบนหน้าจอ ระบบนี้จะสะดวก แต่ราคาก็สูงกว่าแบบปรับมือ
4. หลังจากข้อ 1.-3. แล้ว ให้ลูกค้าเลือกราคาตามงบประมาณที่เหมาะสม ราคาเครื่องจะ สูงตามขนาดเครื่อง , ความกว้างสายพาน, ระบบปรับความชันไฟฟ้า , การรับน้ำหนัก, และฟังชั่นเสริมอื่นๆ ความจำเป็นพื้นฐานคือการรับน้ำหนักที่เหมาะสมกับผู้ใช้งาน และความกว้างสายพาน ส่วนอื่นๆ เป็นเพียง ความจำเป็นรองที่ขึ้นอยู่กับความพอใจและราคาที่ต้องการ
5. ความเร็วสูงสุดของลู่วิ่งไฟฟ้า คือความเร็วการเคลื่อนของสายพาน อีกนัยก็คือความเร็วที่เราจะวิ่งบนลู่วิ่งนั้นเอง ซึ่งความเร็วสูงสุดนั้นจะสัมพันธ์กับกำลังขับ(แรงม้า) ของมอเตอร์ และขนาดเครื่องการรับน้ำหนักและขนาดเครื่อง
6. แรงม้า House power (HP) คือกำลังขับของมอเตอร์ไฟฟ้า ลู่วิ่งที่สำหรับใช้ในบ้าน ใช้แรงม้า 1-2 HP ก็เพียงพอต่อการใช้งาน เนื่องจาก จำนวนสมาชิกในบ้านหรือผู้ใช้งานไม่ได้มากเท่ากับในศูนย์ฟิตเนสซึ่งต้องใช้มอเตอร์ขนาด 3-4 HP เพราะแรงม้าที่มาก จะต้องใช้มอเตอร์ขนาดใหญ่ ที่กินไฟมากกว่า และค่าซ่อมที่สูงกว่า นอกจากนี้ราคาก็จะสูงกว่าค่อนข้างมาก
แรงม้าของลู่วิ่งในตลาด มี 2 แบบ
แบบที่ 1 แรงม้าสูงสุด Peak HP คือ แรงม้าที่มอเตอร์ทำได้ในเวลาสั้น
แบบที่ 2 แรงม้าต่อเนื่อง Continuous HP คือ แรงม้าที่มอเตอร์ทำงานได้ต่อเนื่อง
แรงม้า พีค จะมีค่าสูงกว่า แรงม้า ต่อเนื่อง การเปรียบเทียบแรงม้า อาจทำให้เกิดความสับสน
มอเตอร์ไฟฟ้าจะมีขนาดที่สัมพันธ์กับขนาดของตัวเครื่อง ในหลักการผลิต เครื่องที่มีขนาดใหญ่ จะมีขนาดมอเตอร์ที่ใหญ่ตามเป็นสัดส่วน
ดังนั้นเราจึงแนะนำให้ท่านเลือกที่ขนาดของตัวเครื่อง น้ำหนักของตัวเครื่องและการรองรับน้ำหนักเป็นหลัก
เครื่องที่มีขนาดใหญ่ น้ำหนักของตัวเครื่องมาก จะรองรับน้ำหนักผู้ใช้งานได้มากกว่าเนื่องจากโครงสร้างที่แข็งแรงกว่า เปรียบเทียบเหมือนกับ เรานั่งบนเก้าอี้ตัวใหญ่ ก้ย่อมรับน้ำหนักของเราได้มากกว่าเก้าอี้ตัวเล็ก
และที่สำคัญ เราแนะนำให้ท่านสอบถามทางร้าน และแจ้งน้ำหนักที่มากสุดของผู้ใช้งาน เพื่อให้ทางร้านได้แนะนำเครื่องที่เหมาะสม และคุ้มค่า
หากดูที่ความจำเป็นแล้ว ความเร็วสูงสุดในการวิ่งออกกำลังกายทั่วไป อยู่ที่ประมาณ 8-10 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ดังนั้น ลู่วิ่ง ขนาดเล็ก ก็ความเร็วที่เพียงพอต่อการใช้งาน ความเร็วที่มากกว่า 14 กิโลเมตรต่อชั่วโมงในลู่วิ่งขนาดใหญ่จะใช้สำหรับการเทรนนิ่ง สำหรับนักกีฬามากกว่าความจำเป็นโดยทั่วไป
7. ฟังชั่นต่างๆบนหน้าจอ ลู่วิ่งโดยทั่วไปจะมีฟังชั่นบนหน้าจอคล้ายคลึงกัน ไม่ว่าจะเป็นการแสดงแคลอรี่ เวลา ความเร็ว ระยะทาง ความชัน การปรับต่าต่างๆที่จำเป็น เช่น ความเร็ว ความชัน ที่เพิ่มเติม อาทิเช่น การวัดอัตราการเต้นของหัวใจ หรือ โปรแกรมการวิ่งอัตโนมัติ ซึ่งเป็นโปรแกรมที่ตั้งมาไว้ ให้เราวิ่งตามเวลา ความเร็ว ที่กำหนด โดยไม่ต้องปรับค่าต่างๆเอง ซึ่งเพิ่มความสะดวกสบายมากขึ้น รุ่นที่มีราคาสูงอาจจะมี จอประเภท touch screen มีฟังชั่นการทำงานที่หลากหลาย เป็นระบบแอพพลิเคชั่นสั่งงานบนเครื่อง เป็นเพียงการเพิ่มลูกเล่นให้มากขึ้น เพิ่มความสนุกในการออกกำลังกาย
นอกจากคุณสมบัติต่างๆของเครื่องลู่วิ่งไฟฟ้าแล้ว เราควรคำนึงถึง ราคา และความเหมาะสม แน่นอนว่า ลู่วิ่งขนาดใหญ่ที่เกินความจำเป็นมาพร้อมกับราคาที่สูงและค่าซ่อมที่สูงตาม นอกจากนี้ ยังต้องคำนึงถึงพื้นที่ว่างภายในบ้านอีกด้วย
ลู่วิ่งยี่ห้อไหนดี? เนื่องจากปัจจุบัน การขายออนไลน์มีจำนวนมาก ควรเลือกซื้อจากร้านหรือบริษัท ขนาดใหญ่ ที่มีความมั่นคง และมีที่ตั้งชัดเจน การติดต่อได้ชัดเจน เนื่องจากลู่วิ่งเป็นสินค้าที่จำเป็นต้องมีบริการหลังการขายหรือการรับประกัน
การเลือกร้านจำหน่ายที่ถูกต้อง เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาบริการด้านการขายในภายหลัง
12 ม.ค. 2562
14 ก.พ. 2564
4 ต.ค. 2567
28 เม.ย 2565